การตายต่อตัวเอง
เทศนาโดย คุณพงศ์กรณ์ นันทกุลธนวัฒน์
“การตายต่อตัวเอง” ในความเชื่อคริสเตียน ไม่ใช่การเริ่มต้นด้วยความพยายามหรือการตัดสินใจของเรา แต่เป็น ความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเราถูกนับให้เป็นหนึ่งเดียวกับการสิ้นพระชนม์และเป็นขึ้นมาของพระคริสต์โดยพระคุณของพระเจ้าแต่เพียงฝ่ายเดียว (โรม 6:6) ชีวิตที่เราดำเนินอยู่ในแต่ละวัน คือการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับความจริงนั้น โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ก่อนที่เปาโลจะรู้จักพระคริสต์ ท่านภาคภูมิใจในสถานะเดิมของท่าน (ชาติพันธุ์, การศึกษา, ความเคร่งครัดในธรรมบัญญัติ) แต่เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ได้สำแดงพระองค์แก่เปาโลบนเส้นทางสู่ดามัสกัส พระเจ้าได้ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการประเมินค่าของเปาโลใหม่ทั้งหมด
เปาโลไม่ได้ “เลือก” ที่จะทิ้งสิ่งเหล่านั้นเพื่อไปหาพระคริสต์ แต่เพราะฤทธิ์เดชของพระเจ้าทำให้ท่าน “เห็น” ว่าพระคริสต์นั้นประเสริฐเลิศล้ำกว่าทุกสิ่ง จนทำให้ทุกสิ่งที่เคยเป็น “กำไร” ของท่าน กลายเป็นเหมือน “ขยะ” ไปโดยปริยาย (ฟิลิปปี 3:7-8)
คำถามสำหรับเราจึงไม่ใช่แค่ “เราซาบซึ้งใจไหม?” แต่คือ “เราได้เห็นความล้ำค่าของพระคริสต์เหมือนที่พระเจ้าทรงเปิดตาใจให้เปาโลได้เห็นแล้วหรือยัง?”
กำไรที่แท้จริง
การรู้จักพระคริสต์เป็นกำไรสูงสุด เพราะในการรู้จักพระองค์ เราได้รับสิ่งที่โลกให้ไม่ได้
การไถ่บาป โดยทางพระคริสต์ทางเดียวเท่านั้นที่เราได้รับการอภัยโทษและคืนดีกับพระเจ้า
ความชอบธรรมที่มาจากพระเจ้า นี่คือหัวใจสำคัญ เปาโลทิ้ง “ความชอบธรรมของตนเองที่ได้มาโดยธรรมบัญญัติ” และรับเอา “ความชอบธรรมที่มาจากพระเจ้าโดยความเชื่อ” (ฟิลิปปี 3:9) เราไม่ได้ถูกนับว่าชอบธรรมเพราะเราตายต่อตัวเอง แต่เราถูกนับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ต่างหาก
การรู้จักพระเจ้าสูงสุด ผ่านทางพระคริสต์ เราได้รู้จักพระเจ้าผู้ทรงอำนาจอธิปไตยสูงสุด
ความมั่นคงที่แท้จริง
ความโน้มเอียงของเนื้อหนังคือการแสวงหาความมั่นคงในสิ่งของของโลกนี้ (เงินทอง, ชื่อเสียง, ความสำเร็จ) สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายในตัวมันเอง แต่จะกลายเป็น “รูปเคารพ” ทันทีเมื่อใจของเรายึดสิ่งเหล่านี้เป็นความมั่นคงและสำคัญกว่าพระคริสต์
การตายต่อตัวเองในบริบทนี้คือ การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในใจเรา ให้เราเห็นว่าความมั่นคงที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เราสร้างหรือสะสมได้ แต่อยู่ในบุคคล คือพระเยซูคริสต์แต่เพียงผู้เดียว

ผลจากชีวิตใหม่
ลักษณะ 4 ประการต่อไปนี้ ไม่ใช่ “เงื่อนไข” ที่เราต้องทำให้สำเร็จเพื่อจะตายต่อตัวเอง แต่เป็น “ผล” หรือ “หลักฐาน” ที่พิสูจน์ว่าชีวิตเก่าของเราได้ตายไปกับพระคริสต์แล้วจริงๆ:
การปฏิเสธเนื้อหนัง เพราะเรามีชีวิตใหม่ในพระคริสต์แล้ว พระวิญญาณจึงประทานกำลังให้เราสามารถต่อสู้และปฏิเสธการงานของเนื้อหนังได้
การดำเนินชีวิตในพระประสงค์ของพระเจ้า ใจใหม่ที่พระเจ้าประทานให้ ย่อมปรารถนาที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระองค์
ใจที่ถ่อมลง เมื่อตระหนักว่าทุกสิ่งที่เรามีมาจากพระคุณ เราจึงไม่สามารถหยิ่งยโสได้
การรับใช้และรักผู้อื่น เป็นการสะท้อนพระลักษณะของพระคริสต์ผู้เสด็จมาเพื่อจะปรนนิบัติ (มาระโก 10:45)
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
“เพราะผู้คนจะเห็นแก่ตัว รักเงินทอง โอ้อวด หยิ่งยโส ชอบดูหมิ่น ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ อกตัญญู ชั่วร้าย ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี ทรยศ มุทะลุ โอหัง รักความสนุกมากกว่ารักพระเจ้า ยึดถือทางพระเจ้าแต่เพียงเปลือกนอก แต่ปฏิเสธฤทธิ์เดชของทางนั้น จงอย่าเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้น”
(2 ทิโมธี 3:2-5)
“เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” (มาระโก 10:45)
พระคัมภีร์เวอร์ชั่นไทยมาตรฐาน 2011 (THSV11)
ไม่ใช่การเลือกของเรา แต่เป็นการวางใจในพระราชกิจของพระเจ้า
การ “แบกกางเขนของเราทุกวัน” หรือการตื่นเช้ามาอ่านพระคัมภีร์ ไม่ใช่การกระทำเพื่อ “ซื้อ” พระคุณหรือทำให้พระเจ้าพอพระทัย แต่เป็น วินัยฝ่ายจิตวิญญาณ (Spiritual Disciplines) ที่เราทำเพื่อเข้าสนิทกับพระเจ้า และเปิดโอกาสให้พระวิญญาณทำงานในชีวิตเราได้มากขึ้น
ดังนั้น คำถามสุดท้ายจึงไม่ใช่ “เราจะเลือกลงทุนอะไร ระหว่างเนื้อหนังกับชีวิตนิรันดร์?” ด้วยกำลังของเราเอง แต่คือ “เราจะวางใจและยอมจำนนต่อพระราชกิจของพระวิญญาณที่กำลังลงทุนและสร้างชีวิตใหม่ในเราหรือไม่?”
การตายต่อตัวเองไม่ใช่การสูญเสีย แต่คือการยอมทิ้ง “ขยะ” เพื่อจะได้รับ “พระคริสต์” ซึ่งเป็นกำไรอันประเสริฐสูงสุด และเป็นชีวิตครบบริบูรณ์ที่ไม่มีใครหรือสิ่งใดพรากไปจากเราได้เลย
สรุปคำเทศนาโดย คุณอวยพร วงศ์อรุณ