มนุษย์ปลูกและรดน้ำ แต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงให้เกิดผล (1 โครินธ์ 3:6)
หลายครั้งที่เราปรารถนาให้คนที่เรารักกลับใจเชื่อในพระคริสต์ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือคนที่เรารับใช้ในพันธกิจ เราพยายามพูด อธิบาย แบ่งปันอย่างดีที่สุด แต่พวกเขาก็ยังดู “ไม่เปิดใจ” และบางครั้งเรารู้สึกท้อใจและสงสัยว่าเราทำพลาดตรงไหน
แต่ในความเป็นจริง ความรอดไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถ “โน้มน้าว” กันได้ เพราะหัวใจของมนุษย์ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าถูกปิดบังจากความจริง ไม่เพียงแค่ไม่เข้าใจ แต่ยังต่อต้านข่าวประเสริฐโดยธรรมชาติ
“พระเจ้าองค์เดียวกันนั้นผู้ตรัสว่า ‘ให้มีความสว่างจากความมืด’ ได้ทรงกระทำให้ความสว่างส่องสว่างในใจเรา เพื่อให้เรารู้จักพระสิริของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์”
2 โครินธ์ 4:6

“พระเจ้าองค์เดียวกันนั้นผู้ตรัสว่า ‘ให้มีความสว่างจากความมืด’ ได้ทรงกระทำให้ความสว่างส่องสว่างในใจเรา เพื่อให้เรารู้จักพระสิริของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์”
2 โครินธ์ 4:6
พระคัมภีร์สอนอย่างชัดเจนว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้เดียวที่สามารถเปิดตาใจของมนุษย์ให้เห็นพระสิริของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ได้ การกลับใจใหม่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนความคิด แต่คือการฟื้นคืนชีวิตจากความตายฝ่ายวิญญาณ (เอเฟซัส 2:1-5)
“เราจะเอาน้ำสะอาดพรมพวกเจ้า… เราจะเอาหัวใจหินออกจากร่างของเจ้า และจะให้ใจเนื้อแก่เจ้า เราจะวางจิตวิญญาณของเราไว้ในตัวเจ้า”
เอเสเคียล 36:25–27
นี่คือคำสัญญาแห่งพันธสัญญาใหม่ ไม่ใช่มนุษย์ที่เปลี่ยนใจตนเอง แต่พระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์ทรงกระทำในใจเขา ให้เขาเชื่อ วางใจ และกลับใจอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า Irresistible Grace พระคุณที่ต้านทานไม่ได้ คือเมื่อพระเจ้าทรงเรียกด้วยฤทธิ์เดช ไม่มีหัวใจใดที่แข็งกระด้างเกินกว่าจะถูกเปลี่ยน
ดังนั้นหน้าที่ของเราคือ การประกาศ การเป็นพยาน และการอธิษฐาน อย่างสัตย์ซื่อ ด้วยความหวังในพระเจ้า ไม่ใช่ในสติปัญญาของเรา
🌱 “ข้าพเจ้าได้ปลูก อะโปลโลได้รดน้ำ แต่พระเจ้าได้ทรงให้เติบโต”
1 โครินธ์ 3:6
พระวิญญาณทรงทำงาน – เราเป็นผู้รับใช้
เราไม่สามารถบังคับให้ใครกลับใจได้ เพราะหัวใจใหม่เป็นการสร้างใหม่โดยพระเจ้าเท่านั้น แต่เราสามารถวางใจและมีความหวังในพระองค์ผู้ทรงทราบว่าเวลาใด ใจใด และชีวิตใดที่พระองค์จะทรงเรียกด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ
หน้าที่ของเราคือ สัตย์ซื่อ พระวิญญาณจะทรงจัดการกับสิ่งที่ลึกที่สุดในใจของเขา