ศักดิ์ศรีของกันและกันในพระคริสต์

ข้อพระคัมภีร์หลัก
- 1 เธสะโลนิกา 2:20 – พี่น้องเป็นศักดิ์ศรีของเปาโล
- เอเฟซัส 3:13 – เปาโลเป็นศักดิ์ศรีผู้เชื่อ
- 2 เธสะโลนิกา 2:14 – เราทั้งหมดมีศักดิ์ศรีร่วมกันในพระเยซูคริสต์
ความหมายของศักดิ์ศรีในพระคัมภีร์
เมื่อพระคัมภีร์กล่าวถึง “ศักดิ์ศรี” (glory) ในบริบทความสัมพันธ์ของผู้เชื่อ คำนี้หมายถึงเกียรติและคุณค่าที่พระเจ้าประทานให้ในชีวิตของเรา พระเจ้าทรงเรียกพวกเขาเข้าสู่ครอบครัวของพระเจ้า มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่พระเจ้าทำงานในชีวิตของเขา เป็นการสะท้อนพระสิริของพระเจ้าผ่านชีวิตที่ได้รับการไถ่โดยพระคริสต์ และสะท้อนพระสิริของพระเจ้าผ่านความสัมพันธ์และการร่วมกันในพระคริสต์ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้เชื่อจึงเป็นศักดิ์ศรีของกันและกัน
ผู้เชื่อเป็นศักดิ์ศรีของกันและกัน
ใน 1 เธสะโลนิกา 2:19-20 กล่าวว่า:
“อะไรเล่าจะเป็นความหวังหรือความชื่นชมยินดี หรือสิ่งภูมิใจของเรา เฉพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเมื่อพระองค์จะเสด็จมา? ก็ไม่ใช่พวกท่านหรือ? เพราะว่าท่านเป็นศักดิ์ศรีและความชื่นชมยินดีของเรา”
เมื่อพี่น้องชาวเมืองเธสะโลนิกายึดมั่นในความเชื่อ เผชิญความยากลำบากเพื่อข่าวประเสริฐ และดำเนินชีวิตตามความจริงเรื่องการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเกียรติและความชื่นชมยินดีสำหรับเปาโล
ในขณะเดียวกัน เอเฟซัส 3:13 กล่าวว่า:
“ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่าท้อถอยเพราะความยากลำบากของข้าพเจ้าเพราะเห็นแก่ท่าน สิ่งเหล่านี้เป็นศักดิ์ศรีของพวกท่าน”
การที่เปาโลยอมทนทุกข์ อดทนต่อความยากลำบากเพื่อให้ชาวเมืองเอเฟซัสได้รับข่าวประเสริฐนั้น เปาโลก็เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของพี่น้องที่นั่นด้วยเช่นกัน
จากข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ เราเห็นว่าในความสัมพันธ์ของพี่น้องในพระคริสต์ แต่ละคนเป็นเกียรติ เป็นความหนุนใจ และความชื่นชมยินดีของกันและกันเพราะเรามีชีวิตที่สะท้อนการเชื่อฟังพระคริสต์ โดยการที่เรา:
- ยืนหยัดในความเชื่ออย่างเข้มแข็ง
- ยึดมั่นในพระวจนะของพระเจ้า
- ดำเนินชีวิตเชื่อฟังพระองค์
- ประกาศข่าวประเสริฐแก่ผู้คน
- ร่วมทุกข์ยากลำบากเพราะความเชื่อด้วยกัน
“ด้วยพระปัญญาอันล้ำเลิศของพระเจ้า การทนทุกข์ที่พระองค์ให้เราเผชิญอยู่นั้นไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย การทรยศ การอกหัก อุปสรรคต่างๆ หรือความผิดหวังในชีวิต สิ่งเหล่านี้มุ่งหวังให้เราที่จะเป็นพระพรแก่คริสตจักรผ่านสถานการณ์เหล่านี้ ที่เรากำลังทนทุกข์เพื่อพระนามของพระเจ้า” — Ligon Duncan (Chancellor & CEO of Reformed Theological Seminary) อ้างอิงจาก 1 ปต. 4:12-13
ที่มาของศักดิ์ศรี: พระคุณของพระเจ้าเท่านั้น
ความสุข ความปิติยินดี และเกียรติของทั้งเปาโลและของผู้เชื่อนั้น คือการเห็นพี่น้องผู้เชื่อเติบโตในความรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้า และในพระคุณของพระองค์ (คส.1:9-11, ฟป.1:9-10) แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ พวกเขาไม่ได้ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง แต่เพราะพระเจ้าทรงทำงานผ่านเขาทั้งหมด
ดังที่ เปาโลเขียนไว้ในจดหมายฝาก 1 โครินธ์ 15:10 ว่า:
“แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ และพระคุณของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้านั้น ก็ไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าตรากตรำมากกว่าพวกเขาทั้งหมด ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเองเป็นคนทำ แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำ”
เมื่อเราดูจากข้อนี้ จะเห็นได้ว่า เกียรติและศักดิ์ศรีที่เปาโลหรือผู้เชื่อได้มานั้น ไม่ใช่มาจากตัวเราเอง แต่เป็นโดยพระคุณพระเจ้าทั้งสิ้น ผู้เชื่อแท้จะตระหนักอยู่เสมอว่าความสามารถและการรับใช้พระเจ้าที่เขาทำได้เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่เพราะตัวเขาเอง

การมีส่วนร่วมในศักดิ์ศรีของพระคริสต์ – ผลของการทรงเลือก
2 เธสะโลนิกา 2:13-15 กล่าวว่า:
“พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราควรขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่เดิมเพื่อจะได้รับความรอด โดยการชำระของพระวิญญาณให้บริสุทธิ์ และโดยการเชื่อความจริง พระองค์ทรงเรียกพวกท่านเพื่อการนี้โดยทางข่าวประเสริฐของเรา เพื่อท่านจะได้ร่วมในศักดิ์ศรีของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายจงมั่นคงไว้ และยึดถือคำสอนที่ท่านได้เรียนจากเรา ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือด้วยจดหมาย”
เปาโลขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อในเมืองเธสะโลนิกา เพราะท่านตระหนักว่าความรอดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากพระเมตตาของพระเจ้าที่ทรงเลือกพวกเขาตั้งแต่แรกเพื่อจะประทานความรอดแก่พวกเขา การทรงเลือกนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของคุณความดีหรือคุณสมบัติใดๆ ในตัวมนุษย์ แต่เป็นไปตามพระประสงค์อันบริสุทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้น (อฟ. 1:4-6, รม. 9:11-18)
ความสัมพันธ์ระหว่างการทรงเลือกและการชำระให้บริสุทธิ์
เราไม่ได้รับการทรงเลือกเพราะเราบริสุทธิ์ แต่พระเจ้าทรงเลือกเราเพื่อที่เราจะบริสุทธิ์ และทรงนำเรามาเชื่อในความจริง (2 ธส. 2:13) การเป็นคริสเตียนโดยปราศจากความจริงไม่อาจนำไปสู่ความรอดได้ การชำระให้บริสุทธิ์อย่างแท้จริงก็จะไม่เกิดขึ้น (Sanctification) และไม่มีความอดทนในพระคุณจนถึงวันสุดท้าย (Perseverance of the Saints–ฟป. 1:6)
ความเชื่อที่แท้จริงซึ่งพระเจ้าประทาน จะดำรงอยู่ตลอดไป และจะสำแดงผ่านการดำเนินชีวิตที่เชื่อฟังพระวจนะ โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ ความเชื่อและความบริสุทธิ์ต้องเชื่อมโยงกัน แยกจากกันไม่ได้ เช่นเดียวกับความรักและความจริง
ดังใน ยอห์น 17:16-17 กล่าวว่า:
“พวกเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง”
เราไม่สามารถเห็นได้ว่าบุคคลนั้นถูกเลือกหรือไม่ แต่เราสามารถเห็นหลักฐานของการทรงเลือกผ่านชีวิตที่บริสุทธิ์โดยการเชื่อฟังพระวจนะ ซึ่งเป็นผลจากการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ได้แยกพวกเขาออกมาให้เป็นประชากรของพระองค์ (1 ยน. 2:19, 1 ปต. 2:9)

การทนทุกข์และศักดิ์ศรีในอนาคต
ผู้ที่อยู่ในพระคริสต์นั้นจะต้องทนทุกข์ร่วมกับพระองค์ในระหว่างทางของชีวิต และเรามีความหวังที่จะได้รับเกียรติร่วมกับพระองค์เมื่อชีวิตนี้สิ้นสุดลง ดังถ้อยคำใน โรม 8:17 เขียนไว้ว่า:
“และถ้าเราเป็นลูกแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์ก็เพื่อจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย”
สำหรับคริสเตียน ความทุกข์ในชีวิตนี้ไม่เคยไร้ความหมายเลย ความทุกข์ไม่ใช่เงื่อนไขของความรอด แต่เป็นวิถีทางที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อเตรียมเราสำหรับศักดิ์ศรีนิรันดร์ตามที่ 2 โครินธ์ 4:16–18 กล่าวไว้:
“ฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่าสภาพภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่สภาพภายในนั้นก็ได้รับการเปลี่ยนใหม่ทุกๆ วัน เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ เราไม่ได้เอาใจใส่ในสิ่งที่มองเห็น แต่เอาใจใส่ในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์”
นี่คือความหวังอันยิ่งใหญ่ของผู้เชื่อ เราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่เรามีชีวิตอยู่เพื่อสะท้อนพระสิริของพระเยซูคริสต์โดยมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงทำงานภายในเรา และผู้เชื่อแท้ทุกคนจะได้รับศักดิ์ศรีอย่างสมบูรณ์เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา
ไม่มีของขวัญชิ้นไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว คือ การได้รับศักดิ์ศรีร่วมกันกับพระคริสต์
ถ้าหากเปาโล และผู้เชื่อคนอื่นๆ ไม่ได้มีพระกิตติคุณเป็นศูนย์กลางของในชีวิตของพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะยอมทุกข์ยากลำบากเพื่อความเชื่อ และชื่นชมยินดีในการทนทุกข์ของกันและกัน
การทนทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น ควรนำเราไปสู่ความชื่นชมยินดีด้วย! ตามที่ กิจการ 5:41 กล่าวว่า:
“พวกอัครทูตจึงออกจากสภาไปด้วยความยินดี ที่พระเจ้าทรงนับว่าพวกเขามีค่าสมควรได้รับการหลู่เกียรติเพราะพระนามนั้น”
พวกเขากลับมองว่าการทนทุกข์นี้เป็นเกียรติแก่พวกเขาจริงๆ ที่เขาได้ทนทุกข์ร่วมกับพระคริสต์ และพระเจ้าทรงเห็นว่าพวกเขามีค่าควรแก่การถูกหลู่เกียรติเพื่อพระนามของพระองค์!
การทนทุกข์เพื่อพระนามของพระองค์เป็นเครื่องหมายของความภักดีต่อพระคริสต์ และเป็นการยืนยันถึงความจริงของพระกิตติคุณที่อยู่ในเรา (2 ทธ. 3:12, ฟป. 1:29, 1 ปต. 2:21)
การทนทุกข์เพื่อพระเยซูนั้นเป็นผลที่แสดงถึงความเชื่อแท้ ซึ่งเป็นผลจากพระวิญญาณ และเป็นความชื่นชมยินดีของผู้เชื่อคนอื่นๆ ที่ทุกข์ยากลำบากเพื่อความเชื่อด้วย ดังที่มีคำกล่าวไว้ใน 1 เธสะโลนิกา 3:7-9 ว่า:
“พี่น้องทั้งหลาย เพราะเหตุนี้ ความเชื่อของท่านทำให้ความทุกข์ยาก และความลำบากของเราเบาบางลง เพราะว่าเมื่อท่านมั่นคงอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเราก็สดชื่น เราจะขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอย่างไรอีกจึงจะสมกับความชื่นชมยินดีที่เรามีเพราะท่าน เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเรา”
ไม่มีสิ่งใดที่ประเสริฐและมีเกียรติไปมากกว่านี้อีกแล้ว คือการที่เราได้รับใช้และทนทุกข์เพื่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
บทส่งท้าย
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนอยากหนุนใจผู้อ่านทุกท่านด้วยจดหมาย 3 ยอห์น 1:2-4 กล่าวไว้ว่า:
“ท่านที่รัก ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขความเจริญทุกอย่าง ดังที่จิตวิญญาณของท่านกำลังเจริญอยู่นั้น ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง เมื่อพี่น้องบางคนมาหาและเป็นพยานถึงชีวิตของท่านอย่างจริงจังว่าท่านกำลังประพฤติตามความจริง ไม่มีอะไรทำให้ข้าพเจ้ายินดียิ่งไปกว่านี้ คือที่ได้ยินว่าลูกๆ ของข้าพเจ้าประพฤติตามความจริง”
- สิ่งที่คอยเสริมสร้างคริสตจักรให้เติบโตขึ้น คือมีพระวจนะเป็นศูนย์กลาง
- เราจะทำสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ คือ การเชื่อฟังพระวจนะ
- สิ่งที่ช่วยให้เราชื่นชมยินดีด้วยกันในการทนทุกข์ได้ คือ การยืนหยัดเพื่อพระวจนะร่วมกัน
- เรามีความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรีร่วมกันในพระคริสต์ได้เพราะเรารู้จักพระวจนะ
ขอให้เราเป็นความยินดีของกันและกันโดยการมีชีวิตที่ยืนหยัดในความเชื่อเดียวกัน ในข่าวประเสริฐแท้เดียวกัน และเพื่อให้ทุกสิ่งถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เจ้าเพียงผู้เดียว เอเมน
Soli Deo Gloria – ขอถวายพระสิริแด่พระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
By Lev.
อ้างอิง
- https://www.bibleref.com/Romans/8/Romans-8-17.html
- https://www.bibleref.com/Ephesians/3/Ephesians-3-12.html
- https://www.bibleref.com/1-Thessalonians/2/1-Thessalonians-2-19.html
- https://learn.ligonier.org/devotionals/pauls-crown-of-boasting
- https://enduringword.com/bible-commentary/2-thessalonians-2/
- https://www.blueletterbible.org/Comm/mhc/2Th/2Th_002.cfm
- https://rts.edu/resources/my-tribulations-on-your-behalf-are-for-your-glory/
- https://biblehub.com/greek/1391.htm
- https://www.preceptaustin.org/ephesians_313
- https://learn.ligonier.org/devotionals/suffering-and-glory